ล้อและเพลา (Wheel and Axle)
ล้อและเพลา เป็นเครื่องกลที่ช่วยผ่อนแรงประกอบด้วยวัตถุทรงกระบอก 2 อันติดกัน อันใหญ่เรียกว่าล้อ อันเล็กเรียกว่าเพลา ใช่เชือก 2 เส้น พันรอบล้อเส้นหนึ่ง อีกเส้นหนึ่งพันรอบเพลาโดยพันไปคนละทาง ปลายข้างหนึ่งของเชือกที่พันรอบเพลาผูกติดกับวัตถุ ปลายข้างหนึ่งของเชือกที่พันรอบล้อใช้สำหรับออกแรงดึงเพลา
สูตรที่ใช้คำนวณเรื่องล้อและเพลา
E R = W r (ไม่คิดแรงเสียดทาน)
E = แรงความพยายามหรือแรงที่ใช้ดึง (N)
R = รัศมีของล้อ (m)
W = แรงความต้านทานหรือน้ำหนักของวัตถุ (N)
r = รัศมีของเพลา (m)
รัศมีของล้อในการยกน้ำหนัก W มีค่าเท่ากับ a และรัศมีของเพลาที่รับแรง F เท่ากับ b ถ้าล้อและเพลาดังรูป มีประสิทธิภาพ 100 % จะได้
WO = Wi
FOSO = FiSi
FO(2pa) = Fi(2pb)
=
IMA =
และ FO = Fi
ลิ่ม
ลิ่ม เป็นเครื่องกลที่ช่วยผ่อนแรงรูปร่างคล้ายขวาน ใช้สำหรับตอกลงในเนื้อวัตถุเพื่อให้เนื้อวัตถุแยกออกจากกัน
สูตรที่ใช้คำนวณเรื่องลิ่ม
E H = W L
E = แรงความพยายามหรือแรงที่ตอกลิ่ม (นิวตัน)
H = ระยะทางที่แรงความพยายามเคลื่อนที่ หรือระยะทางที่ลิ่มจมลงในเนื้อไม้ (เมตรหรือเซนติเมตร)
W = แรงความต้านทานหรือแรงอัดของเนื้อไม้ (นิวตัน)
L = ระยะทางที่แรงความต้านทานเคลื่อนที่ หรือระยะทางที่เนื้อไม้แยกออกจากกัน (เมตรหรือเซนติเมตร)
ประเภทของลิ่ม
ลิ่มที่ใช้ประกอบระหว่างเพลากับชิ้นส่วนอื่นไม่ว่าจะเป็นเฟือง พลูเลย์ หรือล้อสายพานต่างๆลิ่มมีหลายประเภทขึ้นอยู่กับการใช้งาน โดยมีรายละเอียดดังต่อไปนี้
ลิ่มส่งกำลัง
ประเภทนี้มีหน้าที่ส่งกำลังระหว่างล้อกับเพลาในเครื่องจักรกลใหญ่ๆที่ใช้ล้อสายพาน ใช้เฟือง ใช้คลัตช์ หรือเครื่องจักรกลเกษตร ก็ใช้ลิ้มส่งกำลัง ลิ้มชนิดนี้ถอดประกอบได้ง่าย ลิ้มส่งกำลังจะมีความลาด 1 ต่อ 100 หมายถึง ที่ความยาว 100 มิลลิเมตร ความสูงของ ลิ้มจะลดลง 1 มิลลิเมตร ดังรูป
ลิ่มส่วนอัดเข้าไปในล้อกับเพลา
ลิ่มประเภทนี้จะมีหัวท้ายปลายตัดตรง การใช้สอดใส่เข้าไประหว่างล้อกับเพลา จากนั้นจึงใช้แรงกระแทกอัดให้แน่นให้ได้ตำแหน่งตามต้องการ ร่องลิ่มจะต้องมีความยาวมากกว่าลิ่มสองเท่า การใส่ในทิศทางหนึ่งและเวลาต้องถอดในทิศทางตรงกันข้ามดังรูป
ลิ่มมีหัว
ลิ่มประเภทนี้จะใช้ในกรณีที่ล้อ และเพลาสามารถในลิ่มได้เพียงด้านเดียวดังนั้นการถอดประกอบก็ต้องถอดเพียงด้านเดียว ดังรูป
ลิ่มขวาง
ลิ่มประเภทนี้เหมาะสำหรับยึดชิ้นงานที่ต้องการกับแรงดัด แรงดัดโก่ง และแรงอัด แต่ มีข้อเสียคือชิ้นงานจะมีความแข็งแรงน้อยลงเพราะรูขวางอยู่ ดังรูป
ลิ่มอัด
ลิ่มประเภทนี้ไม่มีความลาดตามแนวยาว จะขนานตามแนวยามตลอดลำตัว ดังนั้นแรงที่ขับขี่ล้อหรือเพลาให้หมุนนั้นจะกระทำผ่านผิวด้านของลิ้ม ผิวด้านข้างลิ้มจะรับภาระเฉลือนแต่ข้อดีคือ ระหว่างล้อกับเพลาจะไม่มีการเยื้องศูนย์ ลิ่มประเภทนี้เหมาะสำหรับเพลาที่หมุนดังรูป
ลิ่มฝัง เป็นสิ่งส่งกำลังตามมาตรฐานของ DIN แบบ A ลักษณะดังรูปร่างของลิ่มฝังจะมีหัวท้ายเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม ในการประกอบจะวางลิ่มลงในร่องเพลาก่อน แล้วเลื่อนล้อสวมเข้สาไปให้แน่น ตำแหน่งล้อที่อัดแน่นจะไม่สามารถกำหนดให้แน่นอน การกัดผิวร่องกระทำได้ยากจึงไม่นิยมนำมาใช้ แต่ลิ่มชนิดนี้ฝังลงในร่องจึงนำมาใช้ในงานที่รับโมเมนต์มากได้ ลิ่มชนิดนี้มีลักษณะรูปร่าง ดังรูป
ลิ่มเว้า เป็นลิ่มส่งกำลังตามมาตรฐานของ DIN มีด้านที่ประกอบติดกับเพลาเป็นรูปเว้าให้แนวติดเพลากลม ไม่ต้องปาดผิวเพลาทำให้ลดต้นทุนการผลิตใช้กับงานที่รับโมเมนต์ต่ำพวกล้อขนาดเล็กๆลิ่มชนิดนี้มีลักษณะรูปร่าง ดังรูป
สกรู (screw)
สกรู เป็นเครื่องกลที่ช่วยผ่อนแรงมีรูปร่างคล้ายบันไดเวียนวนรอบแกนอันหนึ่ง สกรูใช้สำหรับยกวัตถุหนักๆ ขึ้นสูงๆ โดยแรงความพยายามเคลื่อนที่เป็นวงกลมขณะที่แรงความต้านทานเคลื่อนที่ขึ้นลงในแนวดิ่ง ดังรูป
สูตรที่ใช้คำนวณเรื่องสกรู
W × P = E × 2πR
W = แรงความต้านหรือน้ำหนักของวัตถุ ( นิวตัน : N )
P = ระยะทาง 1 ช่วงเกลียว ( เมตร: m )
E = แรงความพยายามหรือแรงที่กระทำกับสกรู (N)
R = รัศมีของการหมุนหรือความยาวของด้ามแม่แรง (m)